สอบผ่าน CFA Level 2 มุ่งสู่ CFA Level 3
3 August 2010 7 Comments
หลังจากรอคอยมาร่วม 2 เดือน ในที่สุดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 53 ที่ผ่านมา
ผลการสอบ CFA Level 2 ของผมก็ประกาศออกมาแล้วครับ
การประกาศผลสอบในครั้งนี้มีความแตกต่างไปจากครั้งก่อน
จากเดิมผู้สมัครต้อง Login เข้าไปในระบบของ CFA Institute เพื่อดูผลสอบ
แต่ครั้งนี้ ผลสอบจะถูกจัดส่งให้ทางอีเมล์ของผู้สมัครเลยครับ หลังจากนั้นถ้าอยากดูในเว็บค่อย login เข้าไปดูได้อีกที
วิธีนี้ผมคิดว่าดีมากๆ ตรงที่ มันแก้ปัญหาเว็บล่มเพราะคนแห่กันเข้าไปลุ้นผลสอบได้อย่างชงัดนัก
(มันจะไม่ล่มได้ยังไงครับ เพราะคนรอลุ้นผลสอบกันร่วมแสน)
แต่มันก็สร้างปัญหาใหม่เล็กๆ ขึ้นได้เหมือนกันเมื่อเพื่อนของเราได้เมล์ผลสอบแล้ว แต่เรายังไม่ได้!!
เป็นแบบนี้ ไม่รู้จะทำยังไงล่ะครับ ได้แต่นั่ง refresh inbox ไปเรื่อยๆ… แล้วในที่สุดมันก็มาครับ
หัวเรื่องของเมล์เขียนว่า “June 2010 CFA Exam Result” และยังไม่ทันที่ผมจะเอามือปิดเพื่อจะค่อยๆ ลุ้น
มันก็ดันเห็นคำว่า “Pass” ซะก่อน…… จำได้ว่าร้อง Yes! อยู่คนเดียวเสียงดังมาก
มันเป็นอะไรที่ดีใจมากๆ เลยครับ เพราะถ้าใครสอบก็จะรู้ว่า การจะผ่านได้ เราต้องทุ่มเทมากแค่ไหน
โดยเฉพาะ Level 2 เป็นอะไรที่ผมคิดว่า ยากกว่า Level 1 มากกกกกก
พอเราทำได้สำเร็จ มันก็อดจะดีใจแบบออกนอกหน้าไม่ได้
พอมาลองดูผลสอบแบบละเอียดๆ ก็จะพบว่าผลสอบในครั้งนี้นั้น ผมไม่ถึงกับได้ 70% ขึ้นไปในทุกหัวข้อ
แต่มีบางหัวข้อที่ได้คะแนนน้อย และน้อยมากบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ผิดกับที่ผมประเมินตัวเองไว้ก่อนหน้า
คือหัวข้อที่ออกจากห้องสอบแล้วคิดว่าทำไม่ได้ ก็กลับได้คะแนนเกิน 70% ในขณะที่หัวข้อที่ผมคิดว่า
ทำได้สบายๆ กลับได้คะแนนมาน้อย ซึ่งยังไงซะ ผมคงต้องเก็บข้อมูลเหล่านี้มาเป็นบทเรียน
เอาไว้แก้ไขในครั้งต่อๆ ไป เพราะหัวข้อที่ผมคิดว่าผมรู้ ผมอาจจะกำลังรู้แบบผิดๆ อยู่ก็ได้
พอมาดูอัตราการสอบผ่าน (Pass Rate) ในภาพรวม ก็พบว่าการสอบรอบนี้ (June 2010)
อัตราการสอบผ่านลดลงกว่ารอบ June 2009 อยู่พอสมควรเลยครับ
รอบนี้ Pass Rate ของ Level 2 อยู่ที่ 39% ในขณะที่ปีก่อนหน้าอยู่ที่ 41% ซึ่งนับว่าผมโชคดีมากๆ ที่สอบผ่านมาได้ ^_^
.
มุ่งสู่ CFA Level 3
หลังจากรู้ผลสอบ ผมใช้เวลาประมาณ 2 วันในการตัดสินใจสมัครสอบใน Level 3 ต่อทันที
เพราะยิ่งลองคิดดูแล้ว ยิ่งสมัครเร็วยิ่งได้เปรียบ เพราะในการสอบนั้นทาง CFA Institute แนะนำว่า
เราควรจะต้องมีเวลาศึกษา Curriculum ทั้ง 6 เล่ม อย่างน้อย 250 ชั่วโมง
ดังนั้นการสมัครเร็ว ก็หมายความว่า เราจะได้รับ Curriculum เร็วขึ้น ดังนั้นเวลาโดยเฉลี่ยต่อวัน
ที่เราต้องแบ่งมาอ่านหนังสือมันก็ควรจะลดลง น่าจะทำให้เรารักษาสมดุลของชีวิตได้มากขึ้นกว่าการต้องมาอัดอ่านในเวลาสั้นๆ
การสมัครสอบในครั้งนี้มีสิ่งแปลกใหม่อีกแล้วครับ เพราะครั้งนี้นั้นผู้สมัครมีทางเลือกในการรับ Curriculum
คือเราสามารถเลือกจะรับเป็นแบบหนังสือส่งมาให้เราถึงบ้านเหมือนครั้งก่อนๆ
หรือจะเลือกรับเป็น E-Book ที่สามารถอ่านได้บนคอมพิวเตอร์ หรือจะเลือกทั้งสองแบบก็ได้
ซึ่งหลังจากที่ผมชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ก็ตัดสินใจเลือกแบบเอาทั้งคู่ เพราะอยากจะรู้เหมือนกันครับ
ว่าเจ้า E-Book Version เนี่ย มันจะหน้าตาเป็นยังไง งานนี้ต้องจ่ายแพงขึ้นประมาณ 30 เหรียญแน่ะครับ
จากตารางข้างบน ผมเลือกสมัครสอบใน Package E-Book and Print ที่ไฮไลท์ที่น้ำเงินเอาไว้
ซึ่งถ้าใครเลือกรับเป็น E-Book อย่างเดียวจะประหยัดค่าสมัครสอบได้ 60 เหรียญ
แต่ผมว่า ไม่คุ้มน่ะครับ ยังไงซะ ผมเชื่อว่า การอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ มันก็มีประสิทธิภาพมากกว่าอยู่ดี
.
เผยโฉม CFA Level 3 – 2011 Curriculum
นับจากวันสมัครสอบมาประมาณ 5 วัน ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้รับ CFA Level 3 Curriculum เวอร์ชั่นของปี 2011 แล้วครับ
Curriculum เวอร์ชั่นของปี 2011 นี้มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครับ เพราะเป็นครั้งแรก ที่ผมเห็นรูปของ “คน”
ปรากฏอยู่บนหน้าปกของหนังสือนับตั้งแต่ที่เริ่มสอบเมื่อปี 2009 เมื่อก่อนมีแต่เป็นรูปกราฟฟิค หรือไม่ก็รูปธรรมชาติไปเลย
ทำให้มีความรู้สึกว่า “ชั้นกำลังทำในสิ่งที่ คน คนอื่นๆ เค้าก็ทำกันเหมือนกันนะ ไม่ได้บ้าอยู่คนเดียว” 😛
ทั้งนี้ผมขออนุญาตแนะนำ CFA Level 3 – 2011 Curriculum ผ่านทางวิดีโอด้านล่างนี้นะครับ
ส่วน Curriculum เวอร์ชั่น E-Book นั้น หลังจากเราสมัครและชำระเงินเสร็จไม่นาน
เราก็จะได้รับลิ้งค์ให้เข้าไปดาวโหลดโปรแกรมสำหรับจัดการ E-Book มาไว้ที่เครื่องได้ครับ
ซึ่งพอเราเปิดโปรแกรมนั้น E-Book ก็จะค่อยๆ ทยอยถูกดาวโหลดมาเก็บไว้ที่เครื่องของเรา
ซึ่งไฟล์รวมค่อนข้างใหญ่มากๆ ครับ (ประมาณ 1GB ขึ้นไป)
แต่ในส่วนนี้ ผมขออนุญาตเล่าถึงเจ้า E-Book Curriculum ในโพสถัดๆ ไปนะครับ